โฆษกสำนักนายกฯ เผย ประยุทธ์ ย้ำเตือนประชาชนที่ร่วมงาน มอเตอร์โชว์ หรือ กิจกรรมที่มีการรวมตัว ให้ปฏิบัติตามมาตรการโควิด นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างใกล้ชิดซึ่งพบจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยยังเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากซึ่งขณะนี้มีการจัดกิจกรรมขึ้นในหลายพื้นที่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศสอดคล้องกับมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของ ศบค.และรัฐบาล
ทั้งที่จัดในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ หรือกิจกรรมข้างนอก
รวมไปถึงการจัดงานมอเตอร์โชว์ หรือ งาน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ครั้งที่ 43 (Motor Show 2022) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1- 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งคาดประชาชนจำนวนมากสนใจเข้าร่วมงาน จึงเน้นย้ำผู้ออกบูธภายในงาน และทุกคนที่เข้าร่วมชมงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารสุขส่วนบุคคลขั้นสูงอย่างเคร่งครัด ฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 2 เข็มขึ้นไป รวมถึงเข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting เพื่อให้ทุกคนเที่ยวชมงานและเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากโควิด-19
“อย่างไรก็ดีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ล้วนได้รับความร่วมมือจากผู้เข้าร่วมงานทุกภาคส่วนรวมถึงประกอบการในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่นการจัดงาน Motor Show 2022 ผู้จัดงานก็ได้มีการกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1) กลุ่มผู้รับเหมาตกแต่งภายใน จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่ 2 เข็มขึ้นไป และแสดงผลตรวจ ATK ทุก 3 วัน
2) ผู้ออกบูธภายในงานต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่ 2 เข็มขึ้นไป และแสดงผลตรวจ ATK ทุก 4 วัน และ
3) ผู้เข้าชมงาน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่ 2 เข็มขึ้นไป และมีการตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิตลอดการจัดงานด้วย
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากเพราะแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนและการรับผิดชอบที่ทุกคนมีต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะทำให้พวกเราสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปลอดภัย และร่วมกันขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้แม้อยู่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ก็ตาม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
‘ราชกิจจานุเบกษา’ ประกาศ ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน
ราชกิจจานุเบกษา ร่อนประกาศ ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมชี้โอมิครอน ยังระบาดหนัก และใกล้ช่วงเทศกาลหยุดยาว
เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศเรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 17) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนาม
โดยในเอกสารระบุว่า “ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 16 ออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 นั้น
โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ “โอมิครอน” หรือ “โอไมครอน” (Omicron) เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้างและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ อันส่งผลให้จํานวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนส่วนใหญ่เข้ารับการฉีดวัคซีน ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกําหนดแล้วก็ตาม
แต่ในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมจะมีวันหยุดต่อเนื่องหลายช่วง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อกลับภูมิลําเนาและท่องเที่ยว รวมทั้งอาจมีการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มโดยมีผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาด แบบกลุ่มก้อน
ประกอบกับการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยง ยังคงอยู่ในระดับต่ำ หากเกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้น จะมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบสาธารณสุขและชีวิตของประชาชน กรณีจึงจําเป็นต้องคงไว้ ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรค เพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติ และชีวิตของประชาชน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565 จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีกคราวหนึ่ง สําหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป